www.fowomen.org
เว็บไซด์มูลนิธิเพื่อนหญิง
ที่อยู่ 386/61-62 รัชดาภิเษก 42 ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทร. 02-513-1001 (อัตโนมัติ 5 สาย)
โทรสาร 02-513 -1929
มูลนิธิเพื่อนหญิงเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับหญิงไทยถูกหลอกให้โอนเงินผ่านบัญชีหญิงไทยโดยแก๊งต่างชาติ((ส่วนใหญ่เป็นไนจีเรีย)ในมาเลเซียไหมค่ะ บางคนสูญเสียเงิน เป็นหนี้เป็นสิน บางคนสิ้นหวังในชีวิต เหมือนทำร้ายทางด้านจิตใจลึกๆ จนมีหญิงไทยตั้งเฟสขึ้นมาเพื่อเตือนภัย เพราะเมื่อเป็นภัยไปแล้วส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย ถูกตำหนิ ไม่แจ้งความ กลัวครอบครัวเสียใจ แล้วพวกมันก็ได้ใจ ที่ไม่มีใครทำอะไรมันได้แม้แต่เจ้าของบัญชีเองซึ่งเป็นหญิงไทย มันจะเปลี่ยนแปลงที่อยู่ ชื่อ นามสกุล ตำรวจก็ช่วยสุดฤทธิ์ ถึงขนาดบางนายตามไปเอาเรื่องถึงมาเลเซีย คำตอบคืนต้องแจ้งความที่มาเล และต้องเดินทางไปให้บอกคำตามที่ตำรวจมาเลต้อง เห็นความยากลำบากแล้วตำรวจท่านนั้นกลับมาอย่างผิดหวัง
ตอนนี้มีหญิงไทยรวมกลุ่มตั้งเฟสเพื่อต้านมัน ใช้ชื่อว่า Thai Anti Scam (สาวไทยรู้ทันกลลวง)
จดหมายข่าว เครือข่ายแม่หญิงอีสาน โดยมูลนิธิเพื่อนหญิง แจกให้กับแกนนำและกลุ่มสตรีในเครือข่ายภาคอีสาน จำนวน 20,000 เล่ม สนับสนุนงบโดย EU
ชัย ราชวัตร นักเขียนการ์ตูนการเมืองยอดฮิต
ผู้ใหญ่มา กับทุ่งหมาเมิน
หันหลังให้กับบุหรี่มานานกว่า 20 ปี
ปกติเวลาเขียนถึงการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผมมักจะเน้นไปที่ประเด็นทางการเมือง แต่คราวนี้ขอโฟกัสไปที่ด้านสังคมและสุขภาพบ้าง เพราะเพิ่งมี "ขาใหญ่" สั่งให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯแก้ไขเนื้อหาบางมาตราเพื่อยกเลิก ระบบการจัดเก็บภาษีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ (Earmarked Tax) โดยสอดไส้เข้ามาในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนปิดจ๊อบการร่างรัฐธรรมนูญ
ยังดีว่ามีข่าวเล็ดลอดออกมาซะก่อน เลยมีกระแสกดดันคณะกรรมาธิการยกร่างฯให้ทบทวนเรื่องนี้เสียใหม่ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯมีกำหนดประชุมหาข้อสรุปในวันนี้หรืออย่างช้าก็วันพรุ่งนี้
เรื่องนี้ไม่เพียง คุณบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างฯ จะต้องพิจารณาข้อมูลให้รอบด้าน แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ก็ต้องตระหนักรับรู้ถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในภายภาคหน้า เพราะเกี่ยวพันถึงสุขภาพของเด็กไทย
ระบบ Earmarked Tax หรือเรียกภาษาชาวบ้านว่าภาษีบาป เป็นการเก็บภาษีจากธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ แล้วนำไปให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งใช้จ่ายโดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะ ซึ่งของไทยหน่วยงานที่ใช้งบประมาณในส่วนนี้ก็มีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ 2% สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสได้ 1.5% และกองทุนการพัฒนากีฬาแห่งชาติได้ 2%
ที่ผ่านมา สสส.มีบทบาทเด่นชัดมากในการรณรงค์เลิกเหล้าเลิกบุหรี่และเสริมสร้างสุขภาพ ส่วนไทยพีบีเอสก็นำเสนอรายการที่มีเนื้อหาสาระหลากหลาย เปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงออก
ข้อเสนอยกเลิกการจัดเก็บภาษีบาปในครั้งนี้หยิบยกเรื่อง "ความโปร่งใส" มาเป็นข้ออ้าง ฟังดูเหมือนจะดี อ้างว่าการใช้จ่ายเงินควรทำผ่านระบบงบประมาณแผ่นดิน ต้องทำโครงการขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา ทั้งๆที่หน่วยงานเหล่านี้มีระเบียบการใช้จ่ายเงินที่เข้มงวด และถูกตรวจสอบโดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อยู่แล้ว ทุกปียังต้องมารายงานให้ฝ่ายนิติบัญญัติรับทราบ
ขืนให้หน่วยงานพิเศษเหล่านี้ไปใช้ระบบงบประมาณปกติ รับรองว่าจะตกเป็นเหยื่อให้นักการเมืองเข้ามาแทรกแซงแน่นอน เคยมีรัฐมนตรีสาธารณสุขที่ไม่รู้ความไปเบ่งสั่ง สสส.ผันงบประมาณมาให้ใช้ สุดท้ายก็หน้าหงายกลับไป สสส.สนองให้ไม่ได้เพราะมีระเบียบการเบิกจ่ายล็อกเอาไว้
เมื่อปลอดจากการแทรกแซง การปฏิบัติภารกิจสู้กับธุรกิจเหล้าบุหรี่จึงสัมฤทธิผล ทั้งๆที่ธุรกิจประเภทนี้มีเงินทุนมหาศาล ทุ่มงบพีอาร์ส่งเสริมการขายไม่อั้น แต่เมื่อดูสถิตินับตั้งแต่ก่อสร้าง สสส.จนถึงปัจจุบัน อัตราการสูบบุหรี่ลดลงถึง 22% อัตราการบริโภคแอลกอฮอล์ลดลง 13%
มีหลายประเทศที่ใช้ระบบภาษีบาปมาต่อสู้กับธุรกิจน้ำเมาและยาสูบ ต่างก็ถูกโจมตีจากบริษัทบุหรี่และสุรา ทั้งการฟ้องร้อง การแทรกแซงทางการเมือง ทำให้หน่วยงานที่ใช้ภาษีเฉพาะนี้ต้องถูกยุบ หรือเปลี่ยนแปลงระบบงบประมาณ ซึ่งสถานการณ์ในไทยขณะนี้จัดว่าอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
จุดสำคัญที่ผมต้องย้ำเอาไว้ตรงนี้เผื่อมีคนแกล้งไม่เข้าใจก็คือภาษีบาปไม่ได้หักแบ่งจากภาษีสรรพสามิตที่นำส่งเข้าคลัง แต่เก็บโดยตรงจากบริษัทเหล้าบุหรี่ปีละหลายพันล้านบาท ดังนั้นถ้าให้ สสส. ไทยพีบีเอส และกองทุนการพัฒนากีฬาแห่งชาติ ไปใช้ระบบงบประมาณปกติ รัฐก็ต้องเจียดเงินส่วนนี้มาให้แทน ขณะที่บริษัทเหล้าบุหรี่จะได้กำไรคืนกลับไปหลายพันล้านบาท เอาไปใช้มอมเมาเด็กไทยได้สบาย
อนาคตเด็กไทยอยู่ในมือคณะกรรมาธิการยกร่างฯนะครับ จะทบทวนเนื้อหาหรือจะยอมตามที่ "ขาใหญ่" สั่งมา วันนี้คงได้รู้กัน สำหรับผมได้แต่ภาวนาขอพรอย่าให้ลูกหลานติดเหล้าติดบุหรี่เลย.
หมอหทัย' ใช้ ศักดิ์ศรีค้ำประกัน แฉเชื่อว่ามีบริษัทบุหรี่ข้ามชาติมีเอี่ยวในการล็อบบี้ 3 คน คนอ้างนายกฯ-คนชง-คนยาสูบ แก้ รธน.ล้มภาษีบาป ฉะพิรุธสำคัญถึงขั้นต้องตราไว้ใน รธน. เผยล็อบบี้คือการติดสินบน วอน 'ประยุทธ์' ช่วยด้วย...
วันที่ 9 ส.ค.2558 นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย กล่าวว่า การมีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงระบบงบประมาณภาษีบาป โดยให้ความสำคัญถึงขั้นนำไปตราไว้ในรัฐธรรมนูญ ถือเป็นความผิดปกติที่สะท้อนว่ามีเบื้องหลังชัดเจน สถานการณ์เช่นนี้คือกลยุทธ์ของบริษัทบุหรี่ข้ามชาติ ที่จะจัดการกับหน่วยงานที่ทำงานรณรงค์ด้านบุหรี่ ด้วยการเริ่มจากเสนอให้ยกเลิกภาษีบาป เมื่อถูกเปิดเผยความจริงว่า การยกเลิกภาษีบาปเงินทุกบาททุกสตางค์ จะกลับคืนสู่บริษัทเหล้าและบุหรี่ ซึ่งพยายามให้ข้อมูลบิดเบือนว่าองค์กรเหล่านี้ตรวจสอบไม่ได้ ทั้งๆ ที่มีระบบตรวจสอบเข้มข้นเช่นเดียวกับระบบราชการ ซึ่งข้อเสนอที่จะให้หน่วยงานที่รับงบประมาณตรงจากภาษีบาป ปรับไปใช้ระบบงบประมาณปกติ คือการถอยหลังเข้าคลอง ผิดหลักการการใช้ภาษีในวัตถุประสงค์เฉพาะที่ทั่วโลกกระทำ เพราะการออกกฎหมายให้ใช้ภาษีเฉพาะในเรื่องการควบคุมยาสูบ สุรา หรือในสื่อสาธารณะ เพื่อต้องการให้ปราศจากการแทรกแซง ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
"ผมขอพูดโดยใช้ศักดิ์ศรีของผมเป็นประกันว่า เรื่องนี้เกิดจากการล็อบบี้คน 3 คน คือ 1. คนที่ชอบแอบอ้างว่าเป็นบัญชาจากนายกฯ 2. คนที่พยายามชงเรื่องนี้ 3. คนที่ทำงานเรื่องยาสูบ ผมเชื่อว่าคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่ท่านไม่รู้ว่าบริษัทบุหรี่ข้ามชาติมันเลวร้ายแค่ไหน ผมยกตัวอย่างจากข้อเท็จจริงเลยว่า บริษัทบุหรี่ข้ามชาติรายเดียวมีรายได้ถึง 80 พันล้านเหรียญต่อปี หรือเกือบ 1 ใน 5 ของรายได้ทั้งปีที่ประเทศไทยได้คือ 373.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลองคิดดูว่าเขาจะมีทุนมหาศาลขนาดไหนเพื่อใช้ล็อบบี้ เฉพาะตัวเลขที่ตรวจสอบได้ในยุโรปบริษัทบุหรี่ใช้เงินล็อบบี้แต่ละปีถึง 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การล็อบบี้คือการติดสินบน แล้วในไทยตรวจสอบไม่ได้จะเป็นเงินเท่าไร" ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย กล่าว
นพ.หทัย กล่าวต่อว่า การล็อบบี้เกิดขึ้นได้ทุกขั้นตอน หากองค์กรอย่างสสส.ถูกตัดแขนตัดขา ไทยจะได้รับผลกระทบร้ายแรงในด้านสุขภาพจากสินค้าอันตรายทั้ง 2 ชนิดนี้ ดังนี้ 1. อัตราการสูบบุหรี่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล ส่งผลให้คนไทยจะเจ็บป่วยจาก 6 โรคร้ายแรง คือ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเส้นเลือดสมอง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (ถุงลมโป่งพอง) โรคมะเร็งปอดและหลอดอาหาร โรคติดเชื้อในเด็ก และวัณโรค ซึ่งโรคเหล่านี้มีค่ารักษาสูงมาก ซึ่งรัฐบาลจะต้องทุ่มงบประมาณมหาศาลหมดไปกับค่าใช้จ่ายรักษาสุขภาพของคนไทยที่เกิดจากบุหรี่ แทนที่จะได้นำเงินส่วนนี้ไปพัฒนาประเทศ 2. จำนวนอุบัติเหตุที่เกิดจากการดื่มสุรา จะเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินอย่างมหาศาล ทั้งหมดนี้เป็นผลกระทบร้ายแรงเพียงพอ ที่ผู้มีอำนาจพิจารณาตัดสินใจเรื่องนี้จะคิดทบทวนการแก้ไขร่าง รธน. มาตรา 190 หรือไม่
"ผมขอความกรุณาท่านนายกฯ ขอให้ท่านช่วยพิจารณาทบทวนเรื่องการเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ภาษีบาป ทุกวันศุกร์พวกเราฟังท่านนายกฯปราศรัยเรื่องคืนความสุขให้คนไทย ผมชื่นชมท่าน ที่ท่านทำงานหนัก ทำงานเหนื่อย เพื่อให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดี มีความสุขมากขึ้น ปัญหาหลายเรื่องที่คาราคาซังมาทุกรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น เรื่องประมง เรื่องการบิน ท่านพยายามแก้ไข ผมขอล่ะครับ อย่าสร้างความสะเทือนใจ สร้างความทุกข์ให้กับคนไทย ด้วยการเปลี่ยนแปลงเรื่องภาษีบาปเลย" ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย กล่าว.
ขอขอบคุณ ข่าวจาก
https://www.thairath.co.th/content/517203
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 9 ส.ค. 2558 20:10