คำถาม : แรงงานข้ามชาติ รู้ได้อย่างไรว่าตนเป็นผู้ประกันตน
แรงงานข้ามชาติ และแรงงานกลุ่มชาติพันธ์ ให้ความเห็นว่าที่ผ่านมารู้ว่าตนเองถูกหักค่าประกันตนทุกเดือน โดยนายจ้างต้องจ่ายด้วยครึ่งหนึ่ง มีบัตรประจำตัว เป็นผู้ประกันตนมายังไม่ถึงปีเคยใช้บริการที่โรงพยาบาลสวนดวก ตามที่โรงพยาบาล ที่ระบุไว้ในบัตรประกันสังคม เป็นผู้ประกันตนมาประมาณ 6 เดือนแล้ว ส่วนแรงงานข้ามชาติที่อยู่แม่ริมที่เป็นผู้ประกันตนกล่าวว่าตนเองเป็นสมาชิกฯได้ประมาณ 2 ปีแล้วใช้บริการทั้งที่โรงพยาบาล และคลินิก ส่วนกรณีขอรับค่าทดแทนกรณีผู้ประกันตนเสียชีวิต จะทำหนังสือมอบให้บุคคลใดโดยเฉพาะได้หรือไม่
วิทยากร อ.ทรงพันธ์ ต้นตระกูล : อภิปรายเสริมว่า ผู้รับผลประโยชน์คือทายาท เช่น พ่อ แม่ ภรรยา ลูก ไม่จำเป็นต้องระบุในหนังสือมอบอำนาจ
คุณบัณฑิตย์ฯ : ได้อภิปรายตอบคำถามว่า เมื่อผู้ประกันตนเสียชีวิต ทายาทจะได้รับค่าปลงศพ และค่าสงเคราะห์ 1.5 เท่าของอัตราเงินได้ กรณีที่ไม่มีทายาทผู้ประกันตนอาจจะทำหนังสือแสดงเจตจำนงค์ในการระบุให้บุคคลใดเป็นผู้รับเงินสงเคราะห์ก็ได้ เหมือนการทำพินัยกรรม
วิทยากร ถามต่อว่า : ใครเป็นคนนำแรงงานเข้าประกันสังคม
แรงงานข้ามชาติสะท้อนว่า นายจ้างจะเป็นคนพาไปเข้าประกันสังคม อีกทั้งมาอบรมก็ได้รับความรู้แต่ที่รู้ก็คือทำงานที่โรงงาน มาสมัครงานโรงงานก็ต้องทำประกันสังคมให้ทุกคนเลย
วิทยากรอธิบายในส่วนสิทธิประโยชน์ 7 อย่างในประกันสังคมที่แรงงานต้องได้รับเมื่อเป็นสมาชิกประกันสังคม ตาย บาดเจ็บ สงเคราะห์บุตร คลอด ชราภาพ พิการ ในส่วนการแสดงตน และแรงงานต้องเข้ารักษาแรงงานสามารถระบุสถานพยาบาลได้ และต้องนำบัตรประจำตัวประกันสังคมไปแสดงทุกครั้งที่ขอเข้าใช้บริการ การชำระค่าประกันตนไม่จำเป็นต้องชำระต่อเนื่อง เช่น ต้องจ่ายค่าประกันตน 3 เดือน ภายใน 10 เดือนเป็นต้น
การเลือกโรงพยาบาลสามารถเลือกสถานที่ใกล้บ้านหรือที่ทำงานได้เพื่อความสะดวกในการเข้ารับการบริการ นอจากนี้ก็ยังจะสามารถเลือก โรงพยาบาล เอกชนได้อีกด้วย มีคำถามว่าในกรณีเป็นผู้ประกันตน โรงพยาบาลหนึ่ง แต่เจ็บป่วยฉุกเฉินจะเข้าโรงพยาบาลอีกที่หนึ่งได้หรือไม่ ในกรณีนี้ต้องเข้าโรงพยาบาลตามที่ระบุ หรือจะต้องทำเรื่องให้โรงพยาบาลทำเรื่องส่งตัวไปอีกโรงพยาบาลหนึ่งแต่ถ้าเป็นกรณีฉุกเฉินสามารถเข้าโรงพยาบาลไหนก็ได้ แล้วจึงทำเรื่องส่งตัวไปทีโรงพยาบาลสังกัดในภายหลัง
อาจารย์บัณฑิตย์ ธนชัยเศรษฐวุฒิ กล่าวเสริมว่า กรณีการเจ็บป่วยมี 2 ประเภท คือ เจ็บป่วยทั่วไป เรื้อรังจะต้องเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลที่ระบุไว้ในบัตรประกันสังคม และเจ็บป่วยฉุกเฉิน อุบัตุเหตุ สามารถเข้าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ หรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ก็สามารถเข้าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้เช่นกัน ทั้งนี้การรักษาต่างโรงพยาบาลจะสามารถรักษาไม่เกิน 72 ชั่งโมง หลังจากนั้นอาจจะต้องจ่ายค่ารักษาด้วยตนเอง หรือ โรงพยาบาลที่รักษาจะส่งตัวกลับไปรักษาที่ โรงพยาบาล ตามที่ระบุก็ได้ ด้านบัตร 30 บาทรักษาได้ทุกโรค ก็สามารถใช้โรงพยาบาล นอกชื่อที่ระบุกรณีฉุกเฉินได้เช่นกัน การเบิกจ่ายต่าง โรงพยาบาล สามารถทำได้เป็นเรื่องที่ทางโรงพยาบาลจะประสานงานเพื่อเรียกเก็บเงิน ส่วนค่าทำฟัน ประกันสังคมจะจ่าย ไม่เกิน 600 บาท รายละเอียดตามแผ่นพับ
มีปัญหาว่า นายจ้างโรงงานไม่ยอมพาแรงงานต่างด้าวเข้าประกันสังคม
อาจารย์บัณฑิตย์ เสริมข้อมูลว่าประเทศไทยมีแรงงานฯอยู่หลายประเภท คือ
1. แรงงานที่เข้าเมืองถูกกฎหมายตามกฎหมายส่งเสริมการลงทุน
2. แรงงานที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งแรงงานกลุ่มหลังนี้รัฐได้ควบคุมการทำงานอยู่ค่อนข้างมาก และมักไม่เคร่งครัดการบังคับใช้กฎหมายและเคร่งครัดในเรื่องการควบคุม
3. แรงงานที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ แรงงานไม่ได้รับการสนับสนุนให้ได้รับความสะดวกในการพิสูจน์สัญชาติ ทำให้แรงงานต้องพึ่งพาระบบนายหน้า มีค่าใช้จ่ายมาก
4.แรงงานแบบ G to G หรือ บันทึกข้อตกลง (MoU) การเข้าระบบประกันสุขภาพหรือประกันสังคมเป็นการป้องกันและรักษาโรค
โดยเฉพาะในกลุ่มบุคคลเข้าเมืองที่จะต้องได้รับการตรวจสุขภาพ
อาจารย์ทรงพันธ์ พูดถึงสิทธิประโยชน์ในประกันสังคม มี 7 สิทธิประโยชน์ และมีเงื่อนไขการใช้ที่แตกต่างกัน
อย่าง กรณีเงินชราภาพดูจะขัดแย้งกับสภาพการเข้าเมืองของแรงงานข้ามชาติ ที่อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 4 ปี เท่านั้น หรือกรณีค่าคลอดและค่าสงเคราะห์บุตร แรงงานเห็นควรให้คงไว้หรือยกเลิกสิทธิข้อนี้หรือไม่อย่างไร? ในเรื่องนี้แรงงานฯไม่เข้าถึงสิทธิทั้ง 7 ประการ เช่น สามีเป็นผู้ประกันตนจะบิกค่าคลอดบุตรให้ภรรยา ก็จะถูกเรียกทะเบียนสมรส ในขณะที่แรงงานฯไม่สามารถจดทะเบียนสมรสในไทยได้ หรือกรณีชราภาพที่จะจ่ายเมื่อผู้ประกันตนอายุ 55 ปี โดยจะจ่ายใน 2 ลักษณะ คือ บำเน็จและบำนาญ แต่แรงงานอยู่ในไทยไม่ถึง ในส่วนของชราภาพก็จะสามารถรับเงินคืนได้ตามที่กำหนดหรือระยะเวลาที่ชำระค่าประกันตนไว้
อาจารย์บัณฑิตย์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการขอรับสิทธิประโยชน์กรณีสามีเป็นผู้ประกันตน และเบิกให้ภรรยาที่ไม่เป็นผู้ประกันตน คนไทยกรณีที่ไม่มีทะเบียนสมรสสามารถให้ผู้นำชุมชนรับรองการอยู่กินฉันท์สามีภรรยาได้ แต่กรณีแรงงานอาจจะไม่ง่ายเนื่องจากอาจจะไม่มีความนิติสัมพันธ์กับผู้นำชุมชน ซึ่งถือเป็นปัญหาในทางปฎิบัติไม่ใช่ข้อกฎหมาย
ข้อยกเว้น ไม่ต้องเข้ากองทุนประกันสังคม
แรงงานที่ทำงานบ้าน ที่ไม่ประกอบธุรกิจ เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้รับใช้ในบ้าน / แรงงานในภาคเกษตร
คำถามว่าประกันสังคม ดีกว่าประกันสุขภาพหรือไม่
แรงงานข้ามชาติ และแรงงานชาติพันธ์ที่เข้าระบบประกันสังคมได้สะท้อนว่า การมีสิทธิประกันสังคม ทำให้สะดวกและได้รับการดูแลเมื่อไปใช้สิทธิดีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ถ้าประกันสุขภาพจะต้องเสียค่าตรวจสุขภาพประจำปี สิทธิประโยชน์ก็น้อยกว่า แต่ก็ต้องดูว่าแรงงานแต่ละคนสะดวกแบบไหนที่จะเอื้อซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามันดีคนละแบบ
สรุปภาพรวมประกันสังคม ดีกว่า บัตร 30 บาท หรือบัตรประกันสุขภาพ กล่าวคือ
1. ประกันสังคมเลือกโรงพยาบาลได้ ประกันสุขภาพต้องใช้สิทธิที่โรงพยาบาล ตามที่ระบุ
2. การเข้ารับบริการประกันสังคมต้องใช้สิทธิตามเวลา ประกันสังคมใช้สิทธิเวลาใดก็ได้
3. การตรวจสอบสิทธิกรณีมีประกันสังคมสามารถตรวจสอบได้ง่ายสามารถใช้สิทธิได้สะดวกกว่า
4. ลักษณะการทำงานที่อาจจะมีการเคลื่อนย้ายของแรงงาน อาจจะทำให้นายจ้างไม่ยอมพาแรงงานเข้ากองทุนประกันสังคม
5. แรงงานที่เป็นผู้ประกันตน ไม่เคยใช้สิทธิแต่ก็ยังจะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน เป็นหลักการเฉลี่ยะทุกข์เฉลี่ยสุข
6. ในกองทุนประกันสังคมจะมีอีกกองทุนหนึ่งคือ กองทุนเงินทดแทนกรณีได้รับอันตรายเนื่องจากการทำงานหรือรักษาผลประโยชน์ของนายจ้าง ยกเว้นมูลนิธิที่ไม่แสวงผลกำไร ข้าราชการ
7. การเบิกจ่ายตามสิทธิมีอุปสรรคค่อนข้างมาก ไม่ง่ายเหมือนตอนที่เรียกเก็บเงินเข้ากองทุน